doomovie  หนัง2022 หนังใหม่ ดูหนังออนไลน์ฟรี

doomovie Wonder ชีวิตน่าพิศวงวันเดอร์ หนึ่งในหนังชนิดฟีลกู้ดสำหรับมองตอนที่ครอบครัวได้อยู่ร่วมกันในช่วงปลายปีแจ่มชัด รีวิวNetflix ตั้งแต่สร้างขึ้นมาจาก นิยายขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าของนิวยอร์กไทม์ โดยนักประพันธ์ อาร์.เจ. ขว้างลาสิโอ ได้ผู้แสดงนำฝ่ายระดับล่ารางวัลมาร่วมทีมทั้งตัวนำอย่าง เจคอบ เทรมบ์เลย์ หนังฟรี ดาราหนังเด็กที่น่าสังเกตที่สุดในรอบยาวนานหลายปีจากเรื่อง Room (2015)

รวมทั้งเหล่าศิลปินแม่เหล็กที่มองไม่เห็นในหนังแนวครอบครัวฟีลกู้ดมายาวนานมากแล้วอย่าง ดูหนังผ่านเน็ต จูเลีย โรเบิร์ตส์ และก็ โอเว่น วิลสัน ซึ่งค้ำประกันความสามารถดราม่าน่ารักน่าเอ็นดูๆอยู่แล้ว ด้านผู้กำกับแล้วก็เขียนบทก็ได้ สตีเฟน ชฺบอสกี ที่ส่งผลงานควบคุมจากหนังวัยรุ่นจี๊ดดวงใจเรื่อง ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต The Perks of Being a Wallflower (2015) รวมทั้งเขียนบทจากเรื่อง Beauty and the Beast (2017) มาคุมแนวทาง มองจากหน้าหนังบวกกลุ่มเบื้องหลัง ก็ยอมหัวใจให้เป็นหนังดราม่าฟีลกู้ดน่าดูที่สุด

Wonder มีนิคุณยายฉบับแปลไทยในชื่อ ชีวิตน่าพิศวงของออร์กัสต์ โดย สถานที่พิมพ์แพร้วเยาวชน เล่าของ ออร์กี้ หรือ ออร์กัสต์ พูลแมน เด็กผู้ชายที่เกิดมาพร้อมความไม่ปกติทางพันธุกรรมทำให้บริเวณใบหน้าเขามองน่ากลัวสำหรับผู้อื่นแม้กระนั้นยิ่งกว่านั้นออร์กี้ก็คือเด็กปกติคนหนึ่งที่ถูกใจสตาร์วอร์ส รักสุนัข แล้วก็ถูกใจวิชาวิทยาศาสตร์ เขาถูกป้องกันจากบิดามารดามาตลอดจนวันหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องเลิกเรียนเอง

ที่บ้านและก็ออกไปเรียนร่วมกับเด็กๆคนอื่นๆที่สถานศึกษา  doo movie โน่นก็เลยเป็นบททดลองที่ยิ่งใหญ่สำหรับเพื่อการอยู่ร่วมกับคนอื่นที่แตกต่างกันกับตนเอง อีกทั้งกับตัวออร์กี้เอง กับบิดามารดาของเขา รวมทั้งรวมทั้งทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสเรื่องราวของออร์กี้ โดยคนเขียนได้เล่าผ่านมุมมองของแต่ละคนที่ทำให้มองเห็นเรื่องราวสองด้านสุดแสนชื่นชอบ แล้วก็เรียกน้ำตาจากนักอ่านมานับไม่ถ้วนสำหรับในฉบับหนังเอง

ก็ถ่ายทอดขั้นตอนการเล่าออกมาได้งามมากมายขอรับ อีกทั้งการแบ่งพาร์ทเล่าแต่ละมุมมองของหลากผู้แสดงที่รอบข้างออร์กี้ ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาของออร์กี้ที่เป็นมุมมองหลักใกล้เคียงไปกับออร์กี้ พี่สาวของออร์กี้ที่จำต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความพอใจของบิดามารดาไปให้น้องชาย แล้วก็เหล่าเพื่อนพ้องๆของออร์กี้ที่มีมุมมองต่อออร์กี้นาๆประการแต่เดิมหัวข้อนี้ตัวนิยายเองก็มีพลังมากมายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

โดยขว้างลาสิโอได้เริ่มเขียนขึ้นภายหลังวันหนึ่งคุณได้พาลูกของคุณวัย 3 เดือนเศษออกไปด้านนอก และก็ได้เจอกับเด็กที่มีลักษณะของโรค เทรชเชอร์ คอลลินส์ (Treacher Collins syndrome) ซึ่งเป็นความเปลี่ยนไปจากปกติทางพันธุกรรมตั้งแต่เกิดที่ทำให้บริเวณใบหน้าแล้วก็ขากรรไกรข้างล่างเติบโตผิดรูปผิดรอย เมื่อลูกของคุณมองเห็นเด็กคนนั้นก็กำเนิดกลัวร้องไห้ออกมา ทำให้คุณจะต้องรีบพาเดินออกมาจากจุดนั้นเนื่องจากว่าไม่ต้องการให้ตัวเด็กที่เป็นโรคดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นรู้สึกแย่

 

doomovie

 

จากเรื่องราววันนั้นทำให้คุณไคร่คร่ำครวญเคราะห์กรรมของเด็กพวกนี้ ที่ได้โอกาสกำเนิดมากถึง 1 ใน 50,000 ราย แล้วก็มันทำให้คุณรำลึกถึงเนื้อเพลง Wonder ของ ท้องนาตาลี เมอร์แชนท์ ที่เอ๋ยถึงเหล่าเด็กที่เกิดมาไม่ดีเหมือนปกติว่าเป็น สิ่งอัศจรรย์ที่พระผู้เป็นเจ้าประดิษฐ์ขึ้น ก็เลยเป็นต้นเหตุของชื่อหนังสือเล่มนี้ของคุณ และก็ถูกเอามาใส่เอาไว้ข้างในตัวหนังด้วย โดยดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขเป็นเหตุหนึ่งที่สหายคนหนึ่งของออร์กี้เคยได้เจอออร์กี้ก่อนที่จะมารู้จะกัน

ไม่ราวกับบุคคลอื่น มิได้แสดงว่าแปลกเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในแบบที่ไม่เสมือนผู้อื่น ความแตกต่างจากปกติของยีนบางสิ่งทำให้เขาจำต้องได้รับการผ่าตัดหลายคราว กว่าที่จะเปลี่ยนเด็กผู้มีลักษณะอาการครบเสมือนเด็กทั่วๆไป แต่ว่าศัลยกรรมกลับทำเป็นเพียงเท่านั้น เขายังคงมีบริเวณใบหน้าที่มองน่าเกลียดในสายตาคนธรรมดาทั่วไป

ออกัส พูลแมน หรือชื่อเล่น อ๊อกกี้ (Jacob Tremblay) ไม่เคยย่างกรายออกมาจากบ้าน doomovie เติบโตมาพร้อมกับ เนต (Owen Wilson) บิดาที่รอสร้างอารมณ์ขันให้กับเขาได้ตลอดระยะเวลา อิซาเบล (Julia Roberts) แม่ผู้ฉลาดฉลาดผู้ทิ้งหน้าที่การงานมารับหน้าที่สอนลูกแล้วก็ดูแลเขาตลอด 1 วัน รวมทั้งเวีย (Izabela Vidovic) พี่สาวสุดที่รักรวมทั้งดูแลเขาอย่างยอดเยี่ยม

แม้กระนั้นเมื่อถึงวันหนึ่ง ครอบครัวเริ่มคิดได้ว่า มันคงจะถึงเวลาแล้วที่อ๊อกกี้จำเป็นที่จะต้องออกมาพบผู้คน โลกใบเดิมที่กว้างกว่า เริ่มที่สถานศึกษา ที่ที่อ๊อกกี้หวั่นมาตลอด เขาควรต้องปรับพฤติกรรมอย่างมากเพื่ออยู่ร่วมกับเด็กที่เขาเห็นว่าเค้าหน้าธรรมดา รวมทั้งคิดว่าเขาเป็นตัวแปลกแล้วก็เขาจะปรับหัวใจตนเองให้แข็งแรงเพื่อจะอยู่ร่วมกับคนอื่นให้ได้หากว่าเขาจะเค้าหน้าเป็นอย่างนั้น

ออกัสต์ พูลล์แมน (แสดงโดย เจค็อบ เทรมเบลย์) เป็นเด็กผู้ชาย เปรียญ 5 ที่มีแขน ขา และก็หัวใจ ที่ฝันต้องการเป็นนักอวกาศออกไปตรวจรอบโลก แต่ว่าเขากลับจะต้องติดอยู่ในบ้านเพื่อเรียนโฮมสคูลเนื่องจากว่าบริเวณใบหน้าของเขาต่างจากผู้อื่น ใช่แล้ว เขาเป็นตัวแปลก (Freak) รวมทั้งเขารู้สึกตัวดี ทุกสายตาที่เหลือบดูมาและก็เบือนหนีไปในเสี้ยววินาที ปริศนาเกี่ยวกับใบหน้าที่เสมือนสร้างมาเพื่อเขารู้สึกแตกต่าง เด็กๆที่ร้องไห้เมื่อมองเห็นเขา หรือจนกระทั่งบิดามารดาที่ปฏิบัติกับเขาอย่างพิเศษต่างกับเด็กคนอื่นจนกระทั่งอดคิดมิได้ว่าผู้ที่ดูเขาว่าปกติมีเพียงเดซี่ สุนัขของเขาเอง

ทุกการเจริญเติบโตมักมีตอนเหนื่อยยากเรื่องราวเริ่มเหนื่อยยากขึ้นเมื่อเขาจะต้องเข้าสถานศึกษาหนแรก แน่ๆว่าทุกสายตาจ้องมาที่เขา ไม่ใช่สายตาที่ความชื่นชอบ แต่ว่าเป็นสายตาที่ความรู้สึกที่แตกต่างไป จนกว่าเขาคิดว่าตนเองเปลี่ยนเป็นตัวประหลาด ร่างยอดเยี่ยมไปสุดท้ายเกริ่นมายาวเพื่อพูดว่า นี่เป็นหนังที่เกิดขึ้นด้วยแรงจูงใจอัศจรรย์มากมายๆและก็มันก็ทำให้เกิดหนังที่ให้กำลังใจ

แล้วก็กำลังใจกับพวกเราได้ดีเลิศมากมายๆไม่แพ้กันเลยขอรับ วันที่ท้อใจวันที่ีู้สึกไม่มีพลัง จับประเด็นนี้ขึ้นมามองมีความรู้สึกว่าอาจมองโลกได้งดงามมากยิ่งขึ้นทีเดียว อีกทั้งมุกที่มากมายให้ยิ้มไปกับความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กๆและก็เหล่าบิดามารดา หรือแม้กระทั้งอาจารย์ ที่ไม่เพียงแต่สร้างความสำราญยังทิ้งคำกล่าวสอนใจดีๆไว้ให้มากมายอย่างยิ่งจริงๆ อย่างเช่น “เพราะว่าเป็นแม่ที่สนใจลูกที่สุดยังไง

คำกล่าวของแม่ที่มีต่อลูกก็เลยสำคัญที่สุด มากยิ่งกว่าคำบอกเล่าของบุคคลอื่น” “หากวันหนึ่งจำเป็นต้องเลือกระหว่างความถูกต้องชัดเจน แล้วก็ความปรานี ควรเลือกความปรานี” “เพียงแค่ปฏิบัติตนเป็นเพื่อนมันไม่เพียงพอหรอกนะ คุณควรจะเป็นเพื่อนฝูงจริงๆด้วย” อันนี้ผมแปลหยาบๆนะ แต่ว่าในตัวหนังแปลซึมซับได้ดีมากว่านี้อีกอยากที่จะให้ทดลองไปดูเอง

‘อัศจรรย์’ รวมทั้ง ‘แปลก’ ทั้งคู่คำเป็นคำที่ใช้ชี้แจงสัตว์ ข้าวของ doomovie  และก็ผู้ที่ไม่ธรรมดา แต่ว่ามองเห็นความแตกต่างในความคล้ายคลึงโน่นไหม? พวกเราไม่เคยใช้คำว่าแปลกกับผู้ที่พวกเราสรรเสริญแล้วก็แหนหวง หรือผู้ที่พวกเราเห็นว่า ‘อัศจรรย์’ แม้กระนั้นพวกเราจะรอหยิบยื่นคำว่า ‘แปลก’ ให้กับผู้ที่พวกเราไม่รับในความแตกต่างของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นตัวประหลาดหรือตัวประหลาดก็ล้วนเป็นคำที่ถูกใช้เพื่อสะท้อนถึง ‘ตัวประหลาด’ ในตัวเราเองทั้งหมด

Stephen Chbosky ผู้กำกับที่เคยพาพวกเราเข้านั่งอยู่ในหัวใจของคนซอกหลืบสังคม จากภาพยนตร์เรื่อง The Perks of Being a Wallflower ที่ประทับใจผู้ชมได้หลายล้านคนทั่วทั้งโลก เขากลับมาอีกรอบเพื่อสอนบทเรียนใหม่ให้พวกเรา มันก็คือผลจากการที่พวกเราแบ่งคน ‘แปลก’ ออกมาจากคนน่าพิศวงในรูปภาพยนตร์เรื่อง Wonder ที่ดัดแปลงแก้ไขมาจากวรรณกรรมเยาวชนชื่อเดียวกันของ R.J. Palacio

หนังฟีลกู๊ดที่สุดอีกหัวข้อนึงสิ่งที่น่าดึงดูดของ Wonder ในฉบับภาพยนตร์หัวข้อนี้ เป็นการฉายให้มองเห็นมุมมองของนักแสดงแต่ละตัว บางบุคคลอาจมีเงื่อนแผลในใจรวมทั้งอยากป้องกันตัวเองด้วยการกระทำกับออกัสต์อย่าง ‘ตัวประหลาด’ บางบุคคลทั้งยังรักและก็ท้อกับสิ่งที่ออกัสต์เป็นในขณะเดียวกัน บางบุคคลจำเป็นต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อออกัสต์เป็นสุขจนกระทั่งจำเป็นต้องขว้างความสำราญของตนเองทิ้ง

แม้เรื่องทั้งผองจะกำเนิดในขณะเดียวกัน แม้กระนั้นผู้กำกับสตีเฟ่นก็กำลังสอนให้พวกเราทราบว่า อย่าได้วินิจฉัยคนอื่นๆราวกับที่นักแสดงหลายตัวในเรื่องทำ รวมทั้งอย่าได้ด่วนสรุปกระทั่งจะทราบเบื้องหลังทั้งหมดทั้งปวง เรื่องเล่าเดียวกันจากต่างมุมมอง บางทีอาจแปลงเป็นคนละเรื่องไปเลยก็ได้ คนยิ้มบางทีอาจจะต้องแอบร้องไห้ คนเสียใจบางทีอาจจำต้องแอบหัวเราะ เด็กบางทีอาจจะต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพื่อแบกรับความรู้สึกบุคคลอื่นไว้บนบ่าตนเอง

ความน่ารักน่าเอ็นดูอีกอย่างเป็นการที่สตีเฟ่นเล่นกับความนึกคิดรวมทั้งความฝันของออกัสต์ได้อย่างพอดี ภาพเด็กผู้ชายสวมชุดอวกาศจะบอกให้เห็นถึงความรู้สึกของแต่ละตอนหนัง พวกเราจะได้มองเห็นนักบินอวกาศวิ่งกระโดดโลดเต้นเมื่อเป็นสุข คอตกเมื่อเสียใจ และก็ยังมีตัวละครจาก Star Wars หนังโปรดชั่วกับชั่วกัลป์ของออกัสต์มาร่วมแจมด้วย จะเป็นตัวอะไรบ้างนั้นทดลองไปลุ้นคุ้นเคยในโรงหนังนะ

Notre Dame on Fire ภารกิจกล้า ฝ่าไฟนอเทรอดาม

เหตุเพลิงไหม้ที่สร้างรอยแผลให้กับชาวประเทศฝรั่งเศสไปตลอดทั้งชาติ รีวิวหนังออนไลน์ ทั้งยังยังสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้กับคนทั่วทั้งโลก กับเรื่องราวจริงที่ถูกจับมาสร้างเป็นหนังฟอร์มดีจากประเทศฝรั่งเศส นี่เป็น “Notre-Dame On Fire “ หนังที่พาผู้ชมเข้าไปตรวจกับนาทีหายนะ ดูหนัง กับมุมมองผู้กระทำอบกู้เหตุการณ์ของนักดับเพลิงผู้กล้าที่จำต้องชิงชัยกับในขณะที่บีบคั้นเพิ่มสูงถึงทุกนาที

อย่างเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับไฟเผามหาวิหารนอเทรอดามในม.ย.ปี 2019 แม้กระนั้นก็มิได้พอใจมากเท่าไรนัก พอเพียงมีความคิดเห็นว่าเรื่องราวนี้ถูกผลิตมาเป็น ก็มีความรู้สึกพอใจตัวหนังอยู่ไม่น้อย ดูหนังผ่านเน็ต ซึ่งพวกเราเองก็ทราบดีเทลเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก พอใช้ดูหนังก็แปลงเป็นความเซอร์ไพรซ์ราวนึงไปกับสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมาอีกทั้งความสมจริงสมจังและก็มุมที่ยังมิได้รู้มาก่อน

ดูหนังฟรี มหาวิหารนอเทรอดามได้ถูกทำขึ้นมาตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1160 โดย มอริส เดอ ซัลลี่ ที่ขณะนั้นรับตำแหน่งเป็นบิชอปที่กรุงปารีส แล้วสร้างเสร็จตอนปี คริสต์ศักราช 1270 ซึ่งด้านในมหาวิหารนั้นจะจัดเก็บวัตถุอันล้ำค่าหลายประเภททั้งยังศาสนา , ศิลป์ แล้วก็ ทางสถาปัตยกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็น “มงกุฎหนามของพระเยซูคริสต์” , “เสื้อคลุมที่มั่นใจว่าเป็นของนักบุญหฝ่าส์” , “กระจกสีรูปดอกกุหราบ” , “ออร์แกนสุดยิ่งใหญ่ของนอเทรอดาม” และก็ “หอระฆังคู่”

ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงจูงใจมาจากเรื่องราวไฟลุกมหาวิหาร Notre-Dame ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2019 โดยได้ Jean-Jacques Annaud (ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่อง Seven Years in Tibet แล้วก็ Enemy at the Gates) มารับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวรวมทั้งความรู้สึกของมนุษย์ที่มีต่อเรื่องราวในคราวนี้

ภาพยนตร์จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานะการณ์ไฟเผามหาวิหาร Notre-Dame โดยจะเบาๆพาผู้ชมเข้าไปตรวจถึงตัวการของปัจจัยไฟลุก ไปจนกระทั่งการคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้คนจากทุกฝ่ายผลงานของผู้กำกับโด่งดังชาวประเทศฝรั่งเศส “ฌอง-ชาคส์ อองโนด์” ที่พวกเรารู้จักดีงานเขากันดีจากหนังดังๆในสมัย 90s ไม่ว่าจะเป็น Enemy at the Gates หรือ Seven Years in Tibet กลับมาครั้งนี้นับว่าเขาได้ใช้ความเก๋าและก็ประสบการณ์การเป็นนักสร้างภาพยนตร์มายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ มาถ่ายทอดออกมาเป็นหนังดราม่าที่มีท่วงทีความเป็นสารคดีผสมปนเปอยู่หน่อย กับการถือเอาเหตุเพลิงไหม้ครั้งสำคัญของโลกมาดีแผ่

doomovie

อย่างแรกที่รู้สึกได้เป็น ภาพยนตร์หัวข้อนี้มีความเป็นภาพยนตร์สารคดีมากมาย เพราะเหตุว่าเสนอเรื่องราวข้อเท็จจริงของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในสมัยก่อน เพียงแค่ในคราวนี้เรื่องราวพวกนั้นถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสายตาของผู้กำกับ โดยใช้แนวทางทางภาพยนตร์เข้ามาสร้างเสริมเรื่องราวให้มองมีโครงรวมทั้งน้ำหนักมากเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนการเล่าและก็กรรมวิธีลำดับภาพ

ซึ่งสิ่งที่ Jean-Jacques Annaud เลือกที่จะจุดโฟกัสในรูปภาพยนตร์ก็คือ กลุ่มเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เป็นคีย์หลักสำคัญสำหรับในการหยุดเรื่องมหันตภัยไฟลุกในคราวนี้ โดยตอนช่วงหลังของหัวข้อนั้น ภาพยนตร์จะพาพวกเราไปติดตามอยู่กับกลุ่มนี้แทบตลอดระยะเวลา ซึ่งทำให้คนอีกหลายๆคนรู้สึกถึงความสมจริงสมจังเช่นเดียวกันกับยืนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ภาพยนตร์ยังพาพวกเราไปดูกลุ่มอื่นๆที่ให้การช่วยเหลือแล้วก็ติดต่อประสานงานกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำหรับการปรับแก้เหตุการณ์คราวนี้ด้วยด้วยเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะเทน้ำหนักไปที่กลุ่มนักผจญเพลิงเป็นส่วนมาก แต่ว่าภาพยนตร์ก็ยังคงย้ำกับผู้ชมเรื่อง ‘ความปรองดอง’ ของมนุษย์โลกอยู่เป็นประจำ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วตามข้างต้นว่า doomovie  ด้านในประเด็นนั้นพวกเราจะมิได้มองเห็นเพียงแค่ลักษณะการทำงานของกลุ่มดับไฟเพียงแค่กลุ่มเดียว แต่ว่าจะได้มองเห็นอีกทั้งตำรวจ, ผู้ดูแลวิหาร, นักออกแบบ และก็ทหาร ช่วยกันกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อแก้ไขรวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมทั้งพ้นวิกฤตในคราวนี้ไปร่วมกัน ซึ่งทั้งปวงนั้นก็ส่งต่อมวลอารมณ์เรื่อง ‘ความพร้อมเพรียง’ ของมนุษย์โลกในยามวิกฤตมาสู่ผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม

จากข้อเท็จจริงสู่ภาพยนตร์เรื่องราวของหนังเป็นการตามติดเรื่องตั้งแต่จุดกำเนิดของต้นสายปลายเหตุที่นำมาซึ่งเรื่องไฟลุกครั้งยิ่งใหญ่สุดสะเทือนใจ ไปจนกระทั่งกรรมวิธีหาทางดับไฟไหม้ที่กำลังลุกโหมจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นหายนะ ซึ่งหนังก็เล่าออกมาเป็นสเต็ปๆแบบเรียงลำดับเรื่อง มิได้พลิกแพลงเล่าให้ออกมาหวือหวามากเท่าไรนัก ซึ่งจริงๆจุดบกพร่องของหนังเป็นเพียงพอมันชี้เฉพาะเล่าถึงสถานที่วิหารนอเทรอดามเปรียบเสมือนเป็นตัวละครหลัก นักแสดงของหนังก็ดูกระจัดกระจัดกระจายไปหน่อย ที่มีการเล่าถึงนานัปการผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวกับ โดยมิติผู้แสดงก็ออกจะบางเบา ทำให้หนังมองมีความขาดอารมณ์ความรู้สึกในส่วนตัวละครไปพอเหมาะพอควร

ตัวหนังจะพาพวกเราไปดูสถานะการณ์สุดสะเทือนอารมณ์ที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในปี 2019 ที่การเล่าเรื่องของหนังนั้นจะออกแนวครึ่งหนึ่งสารคดีนิดเดียว ที่การเล่าเรื่องนั้นเข้มข้นแบบสุดๆทุกๆอย่างมองสมจริงสมจัง อีกทั้งภาพรวมทั้งเสียง รวมถึงได้ทราบถึงปัจจัยต่างๆที่ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ในคราวนี้ บวกกับการกระทำหน้าที่ของนักผจญเพลิงที่จำต้องปฏิบัติงานแข่งกับเวลาแล้วก็จำต้องรอป้องกันข้าวของอันมีคุณค่าทางจิตหลายสิ่งที่อยู่ข้างในมหาวิหารให้รอดจากการโดนไฟลุกให้ได้

ส่วนตัวถูกใจหนังที่เป็นแถว Base On True Story อยู่แล้วที่แบบถือเอาเรื่องจริงมาเล่าแล้วเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ซึ่งในหนังประเด็นนี้ก็ทำออกมาได้ดิบได้ดีไม่แพ้กับเรื่องอื่นๆเลย ถูกใจตรงที่ตัวหนังนั้นถือเอาภาพฟุตเทจจริงมาผสมกับถ่ายใหม่ได้แบบเนียนตาที่แบบพวกเราแถบแยกไม่ออกเลยว่าอันนี้ถ่ายใหม่หรือเป็นฟุตเทจจริงกันแน่เลย

แถมในช่วงท้ายนั้นมันช่างทัชใจมากๆกับพนักงานดับเพลิงที่กล้าหาญชาญชัยกล้าเข้าไปฉีดน้ำในจุดที่เสี่ยงมากมายๆก็เลยทำให้ไฟสงบลงสุดท้ายนะครับฉากนี้มันช่างปลาบปลื้มปริ่มยิ้มสะจริงๆผู้ใดกันที่ใคร่รู้ถึงปัจจัยการเกิดไฟไหม้ในครั้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของเรื่องราวสุดช้ำใจคนทั่วทั้งโลกก็ไม่สมควรพลาดกับหนังหัวข้อนี้

ลำดับเรื่องเข้าใจง่ายหนังที่ไทม์ไลน์เจาะลึกในเรื่องเพียงไม่กี่ชั่วโมง doomovie  แม้กระนั้นจะต้องถ่ายทอดออกมาในหลายๆมุมมองด้านในระยะของหนังที่ไม่ถึง 2 ชั่วโมงให้ได้ ก็เลยทำให้ระยะแรกๆของหนังค่อนข้างจะปูเรื่องได้อย่างช้าๆแทบจะน่าระอาไปสักนิดสักหน่อย แม้กระนั้นเพียงพอเข้าที่เข้าทางแล้วก็เข้าถึงเรื่องสำคัญของหนังได้แล้ว ก็ถ่ายทอดสถานะการณ์สุดลุ้นระทึกเป็นชั่วโมงที่เต็มไปด้วยความปะทุของเปลวไฟรวมทั้งความคาดหมายที่ต้องการจะยับยั้งเหตุการณ์นี้ลงให้เร็ว

ฌอง-ชาคส์ อองโนด์ ได้ใช้แนวทางการเล่าที่มิได้มีลูกเล่นอะไรเยอะแค่ไหน ดำเนินไปตามไทม์ไลน์ของเหตุแทบจะเป๊ะๆประสมประสานทั้งยังฉากสำหรับในการแสดงแล้วก็ฟุตเทจจากสถานะการณ์จริงตัดสลับกันไปบ้าง นักแสดงของหนังหัวข้อนี้ค่อนข้างจะมากทีเดียว แล้วก็นั้นก็เลยทำให้หนังไม่ว่างที่จะจุดโฟกัสให้ค้างแรกเตอร์ใดค้างแรกเตอร์หนึ่งเด่นกว่าคนไหนกันแน่ ก็เลยทำให้ภาพรวมของหนังดำเนินไปอย่างแห้งๆรวมทั้งแทบไม่มีอะไรสะดุดตามากเท่าไรนัก

หนังอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีความเป็นสารคดีอยู่ในบางมุม แต่ว่าก็ควรต้องมีพาร์ทการแสดงเอาไว้ช่วยกล่อมเกลาอรรถรสผู้ชมเป็นส่วนมาก ดังที่คำโปรยปรายที่ขึ้นบอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกในหนังที่ว่า “ผลิตจากเรื่องราวจริงที่บางทีอาจจะน่าเกินจริงไปสักนิด” นั่นแหละ…ด้วยเหตุว่าหนังก็ยังป้ายความผิดขาดๆเกินๆเข้ามาปนเปอยู่บ้าง เป็นตัวที่ช่วยทำให้ปรับอารมณ์ของผู้ชมในบางช่วงบางตอนไปตลอดทั้งประเด็นนี้

เพราะเหตุว่า Notre-Dame On Fire มิได้เน้นย้ำสร้างลักษณะเด่นให้กับนักแสดงแล้วก็การแสดงสักเท่าไหร่ ก็เลยทำให้ไม่มีผู้ใดเด่นมากมายว่าคนใดกัน แม้กระนั้นแม้จะเอ่ยถึงส่วนประกอบรวมๆของแคสติ้งในหนังประเด็นนี้ ก็จัดว่าพวกเขาทุ่มเทแล้วก็สุดกำลังกับการแสดงในคราวนี้อย่างดีเยี่ยม ถึงจะได้มุมมองแล้วก็วิสัยทัศน์สำหรับในการแสดงออกมาแบบเชยๆตามสไตล์ของผู้กำกับลายครามผู้นี้ก็ตาม แม้กระนั้นก็เอาเถอะ…ก็ยังเป็นหนังที่มองพอเพียงบันเทิงใจก้าวหน้าอยู่

ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผู้ชมจดจ่ออยู่กับรายละเอียดพวกนั้นได้ก็คือ งานภาพและก็ฉากที่สามารถพูดได้ว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีรองลงมา หรือบางทีอาจจะดีมากยิ่งกว่ารายละเอียดก็เป็นไปได้ เนื่องจากภาพยนตร์ค่อนจะให้ความเอาใจใส่ในจุดนี้อย่างใหญ่โต โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตระการตาของมหาวิหาร Notre-Dame รวมทั้งการนำเสนอภาพความสวยสดงดงามอีกทั้งข้างในและก็ด้านนอกมหาวิหาร รวมถึงภาพจุดเกิดเหตุตอนไฟเผาด้วยด้วยเหมือนกัน

 

Hocus Pocus 2″ แทบ 30 ปีที่รอ แม่มดตกกระป๋องชูกลุ่มคัมแบ็ก!

จัดว่าหนังประเด็นนี้…เช็กวัยและก็อายุผู้ชมเช่นเดียวกันนะ เนื่องจากว่าถ้าว่าคุณเป็นเด็กที่เติบมาพร้อมกับตอนสมัย 90 ก็คงจะคุ้นตาคุ้นหน้ากับหนังแฟนตาซีขำขันประเด็นนี้ ที่เคยยอดเยี่ยมในมาสเตอร์พีชของ วอลต์ ดิสนีย์ เมื่อในสมัยก่อน และก็พวกนางก็กลับมาแล้วใน “Hocus Pocus 2” ภาคต่อที่ทิ้งระยะห่างไปเกือบจะ 30 ปีเต็ม กับกลุ่มผู้แสดงสำคัญๆที่กลับมาคลายการนึกถึงสมัยก่อนอีกคราว.

Hocus Pocus 2 ภาคนี้มีเรื่องมีราวราวเริ่มจากกรุ๊ปเด็กหญิงวัยศึกษาที่บังเอิญได้เชิญเหล่าลูกพี่ลูกน้องเครือญาติแซนเดอร์สันกลับมาที่เซเลมอีกรอบ ภายหลังที่พวกนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ 3 ทศวรรษ เหล่าแม่มดผู้หิวโหย เช่น วินนี่เฟรด, แมรี่ และก็ ซาราห์ กำลังมองหาเหยื่อเด็กผู้หญิงที่จะมาบวงสรวงชีพให้กับพวกคุณได้กลับมาผ่องแผ้วอีกรอบ ทำให้เด็กหญิงที่ต้องหาแนวทางสกัดหายนะเกี่ยวข้องกับคาถาคราวนี้…ก่อนมันจะสายเหลือเกิน

อาจจะต้องพูดว่าบรรยากาศเก่าๆเดิมๆได้โชยกลับมาในทันที วันวานวัยเด็กอันหอมหวานได้กลับหมุนรอบตัวอีกรอบ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงเท่านี้ แม้กระนั้นการได้มองเห็นดาราหนังชุดเริ่มแรกกลับมาอีกรอบ ไมว่าจะเป็น “เบ็ตต์ มิดเลอร์”, “ซาราห์ เจสสิก้า พาร์คเกอร์” แล้วก็ “เคธี ทุ่งนาจิมี” เท่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นผลกำไรของคนดูแล้วจริงๆเพราะว่าพวกคุณก็ยังเป็นแซนเดอร์สันในตำนานไม่เสื่อมคลาย

หากว่าพวกเราจะสัมผัสได้แน่ชัดว่า พวกคุณบางครั้งก็อาจจะไม่ผ่องแผ้วแบบเดียวกันในอดีตกาลอีกแล้ว แม้กระนั้นความเป็นมือโปรรวมทั้งตำนานสำหรับการแสดงของพวกคุณ ก็ยังถ่ายทอดหน้าที่นี้ออกมาได้อย่างลื่นไหล doomovie แน่ๆว่าพวกคุณก็คือดวงดาวอันสะดุดตาที่หนังเองนี้ไม่สามารถที่จะขาดไปได้เลย บทแม่มดกลุ่มนี้ราวกับเกิดขึ้นมาเพื่อพวกคุณโดยแท้จริง แล้วก็ยังคงเฉิดฉันเสน่ห์ของแต่ละติดอยู่แรกเตอร์ได้อย่างดีเยี่ยม

ถึงในภาคใหม่ Hocus Pocus 2 จะยังคงให้ความรู้ความเข้าใจสึกเดิมๆแบบหนังฉบับ กลิ่นความเป็นภาพยนตร์ตลกแฟนตาซีคาถาของดิสนีย์ที่ยังคงใช้เสน่ห์เดิมๆมาใช้ แต่ว่าก็โชคร้ายที่หนังมองไม่ค่อยมีวิวัฒนาการขึ้นสักเท่าไหร่ เว้นเสียแต่ยุุคยุคแล้วก็แนวทางพิเศษต่างๆที่ถูกประยุกต์ใช้ได้อย่างกลมกลืนในหนังได้ดิบได้ดีขึ้น เค้าเรื่องของหนังก็แทบไม่ได้ต่างอะไรไปจากเดิมสักเท่าไหร่

หนังภาคนี้เป็นฝีมือของ “แอนน์ เฟลกเชอร์” ผู้กำกับหญิงที่เคยไปถึงเป้าหมายปังๆจาก Step Up หรือ The Proposal ถึงแม้พักหลังๆคุณจะหันไปเอาดีกับงานดูแลโทรทัศน์ซีรีส์มากยิ่งกว่า แต่ว่าเมื่อได้รับจ็อบนี้มาก็นับว่าคุณยังคงรักษามาตรฐานก้าวหน้าอยู่ถัดไป ลายเส้นของคุณยังออกจะชัดรวมทั้งถูกประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคลั่งไคล้แนวมิวสิคัล ที่แปลงเป็นในภาคนี้หยอดส่วนประกอบนี้เข้ามาเพิ่มเสริมเป็นสีสัน ที่บางทีอาจจะไม่ค่อยจำเป็นจะต้องเท่าใด

จะต้องบอกตรงๆว่าบทหนังของ Hocus Pocus 2 ยังค่อนข้างจะอ่อนไปสักนิด ส่วนประกอบของบทหนังแทบไม่ได้มีความแตกต่างไปจากภาคแรกเท่าใดนัก อีกทั้งจังหวะแล้วก็อารมณ์ของหนังยังคงเดิม มีเพียงแต่ปรับแต่งในส่วนของช่วงเข้าไปแค่นั้น เอาจริงเอาจังๆภาคแรกก็ไม่ใช่หนังที่มีบทที่ดีอะไร มาในภาคนี้ก็ถือยังไม่ค่อยปรับปรุงมากสักเท่าไรนัก ยังค่อนข้างจะอ่อนและไม่แข็งแรง ย้ำเสิร์ฟเอาอกเอาใจกรุ๊ปผู้ชมเด็กๆแบบใหม่ที่เป็นจุดมุ่งหมายของหนังประเด็นนี้ แบบไม่มีพิษไม่มีภัย

แล้วก็นอกเหนือจากการแสดงของ 3 ดาราหนังรุ่นใหญ่ที่กลับมาได้อย่างยอดเยี่ยมในหัวข้อนี้ หนังยังมีนักแสดงสมทบเพิ่มเข้ามาด้วย นำกลุ่มมาด้วย “วิตนีย์ พีค”, “เบลิซซ่า เอสวัวเบโด” และก็ “ลิเลีย บัคกิ้งหมูแฮม” ที่นับได้ว่าเป็นศิลปินดาวรุ่งที่นับว่าพวกคุณปฏิบัติหน้าที่ของตนได้ดิบได้ดี เพียงโชคร้ายที่หน้าที่ยังไม่เกื้อหนุน ทำให้คุณเกือบถูกกลืนจมหายไปจากหนัง ทั้งทีเป็นอีกส่วนของติดอยู่แรกเตอร์ที่สำคัญของหนังก็ตามสรุปว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Hocus Pocus 2 บางทีก็อาจจะไม่ใช่หนังที่น่าผิดหวัง

แม้กระนั้นก็ยังไม่ใช่ภาคต่อที่สมประสงค์สักเท่าไหร่ หนังบางครั้งก็อาจจะพาคนสมัย 90 ได้กลับไปซาบซึ้งกับบรรยากาศเก่าๆที่นึกถึงได้ กับโลกของเซเลมที่เคยสร้างความสนุก แม้กระนั้นในด้านการพัฒนาของภาคต่อนั้นยังไม่ค่อยเด่นชัน โชคร้ายที่ยังคงติดอยู่สูตรสำเร็จเดิมๆและไม่ค่อยออกมาจากเซฟโซนไปสู่ของใหม่มากเท่าไรนัก แม้กระนั้นหนังก็ยังสร้างความเอ็นหน้าจอยให้กับผู้ชมได้อยู่ไม่มากมายก็น้อย

 

doomovie

 

The Greatest Beer Run Ever” ภารกิจเสิร์ฟเบียร์สดให้ถึงมือไอ้เพื่อน(รัก)!

และก็นี่เป็นก็หนังสงครามที่เคยเป็นกระแสและก็ข่าวสารให้เอ๋ยถึงเมื่อท้ายปีที่แล้ว เพราะว่าประเด็นนี้ได้ชูกองถ่ายมาทำถ่ายทำในประเทศไทยเป็นหลัก นี่เป็น “The Greatest Beer Run Ever” หนังที่ได้แรงดลใจผลิตขึ้นมาจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นระหว่างสนามรบการทำศึกเวียดนาม ที่มาพร้อมด้วยกลุ่มดาราหนังรวมทั้งคณะทำงานผู้ผลิตระดับแนวหน้า ที่แน่ๆว่านี่เป็นหนังผจญการศึกที่คงจะทำให้ผู้ชมติดใจได้อย่างง่ายดายเลย

The Greatest Beer Run Ever เกิดเรื่องราวในปี 1967 ตอนระหว่างที่ประเทศสหรัฐอเมริกาส่งกองทัพไปร่วมทำศึกทำสงครามในเวียดนาม ชัคกี้ โดโนฮิว เป็นชายหนุ่มชาวนิวยอร์ก ที่สหายๆบ้านใกล้เรือนเคียงของเขาผู้คนจำนวนมากร่วมกองทัพและก็ถูกส่งตัวไปทำศึกทำสงครามคราวนี้ ในช่วงเวลาที่เขายังบ่อยเปือยแล้วก็ใครๆก็คิดว่าไม่ได้เรื่อง ก่อนที่จะเขาจะตกลงใจสุดบุ่มบ่าม ด้วยการรับภารกิจหามเบียร์สดกระป๋องใส่กระเป๋าลงเรือผ่านทวีป เพื่อไปมอบให้กับเพื่อนพ้องๆของเขาที่อยู่ในสนามรบรบ กับปฏิบัติงานตัวผู้เดียวที่น่าเกินจริง แม้กระนั้นมันได้เกิดขึ้นกับเขาแล้วจริงๆ

นี่เป็นผลงานชิ้นปัจจุบันของผู้กำกับ “ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่” ผู้ผลิตหนังผู้ครอบครองรางวัลออสการ์ อย่าง Green Book ที่ยังคงพกสายเส้นรวมทั้งจังหวะการเล่าเรื่องสไตล์คล่องแคล่ว พร้อมทั้งอินเนอร์ขบขันร้ายเข้ามาในหนังได้อย่างพอเป็นกระษัย เขายังร่วมยอดเยี่ยมในกลุ่มดัดแปลงแก้ไขเขียนบทหนังประเด็นนี้ด้วย โดยจับเอาบันทึกความเป็นจริงของ ชัคกี้ โดโนฮิว  wowslot008 มาร้อยเรียงเป็นภาพออกมาในหนังสงครามหัวข้อนี้ หากว่าหลายๆอย่างจะมาพร้อมกับส่วนประกอบที่สูตรสำเร็จแบบจับวาง แม้กระนั้นมันก็ปฏิบัติงานไหลลื่นด้วยดีไปตลอดทั้งเรื่องด้วยเหมือนกัน

ทางด้านงานสร้างแล้วก็แนวทางในหนัง The Greatest Beer Run Ever นั้น ก็นับว่าดีตามมาตรฐาน บางทีอาจจะมิได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่นัก แม้กระนั้นพวกเขาก็นับว่าสร้างฉากเวียดนามในโลเคชั่นประเทศไทยได้ค่อนข้างจะถูกใจ เก็บเนื้อหายิบย่อยได้อย่างเหมาะควร ใช้แนวทางพิเศษต่างๆแต่งเสริมเข้าไปได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะมีบางจุดบางมุมอยู่บ้างที่ซีจีมองกระโดดๆไปสักนิด แต่ว่าก็ไม่ใช่จุดที่เป็นข้อผิดพลาดต่อตัวหนังทั้งยังเรื่องเท่าใด